ขีดเส้น 18 มิ.ย. 68 ส่งมอบ ‘สนามบินอู่ตะเภา’ – ไฮสปีดรอ ‘อัยการ’ ตรวจร่างสัญญา

‘จุฬา สุขมานพ’ เลขาธิการอีอีซีเผย 18 มิ.ย.นี้ ขีดเส้นส่งมอบ NTP ก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา หวัง ‘UTA’ สละเงื่อนไขทำงานร่วมรถไฟความเร็วสูง ขณะที่โปรเจ็กต์ไฮสปีด รออัยการสูงสุดตรวจร่าง คาดพ.ค. 68 จบ

สำนักข่าวอิศรา (www.isanews.org) รายงานว่า วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก วงเงิน 290,000 ล้านบาท ที่มีกองทัพเรือ (ทร.) เป็นเจ้าของโครงการ และมี บจ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น (UTA) ที่นำโดย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) และบมจ.การบินกรุงเทพ (บางกอกแอร์เวย์ส) เป็นเอกชนคู่สัญญาโครงการ ซึ่งได้ลงนามในสัญญาไปเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 แต่ยังไม่ได้ส่งมอบหนังสือให้เริ่มงาน (Notice to Proceed: NTP) เนื่องจากยังติดขัดเงื่อนไขในการส่งมอบงานนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เลขาธิการอีอีซีระบุว่า ในวันที่ 18 มิ.ย. 68 นี้ ทางอีอีซีกำหนดเอาไว้แล้วว่า จะเป็นวันที่จะส่งมอบหนังสือ NTP เนื่องจากเงื่อนไขในการส่งมอบพื้นที่ตอนนี้เหลืออยู่เรื่องเดียวคือ เงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาและแผนการก่อสร้าง ร่วมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ( ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งยังมีความล่าช้าอยู่ โดยอีอีซีเห็นว่า ควรจะสละเงื่อนไขนี้ออกไป เพื่องานมันเดินหน้าไปได้ โดยตอนนี้ทาง UTA ยังไม่ได้ตอบกลับมาแต่อย่างใด

“มันคือกำหนดที่วางไว้เป็นกรอบว่าไม่เกิน 18 มิ.ย.นี้ และจะต้องมีการเสนอให้ที่ประชุมบอร์ดอีอีซีรับทราบ ก็กำลังหาคิวว่างของท่านประธาน (พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ-รมว.คลัง) อยู่ ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขเดิมเมื่อออก NTP จะต้องเริ่มต้นนับเวลาสัญญาสัมปทานของโครงการสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งตรงนี้หากโครงการรถไฟความเร็วสูงเกิดมีความล่าช้าออกไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จะมีผลต่อสนามบินอู่ตะเภา จึงต้องหารือในรายละเอียด เงื่อนไขเพื่อทำโมเดลในการออก NTP เช่น แบบที่ยังไม่มีไฮสปีด กับแบบมีไฮสปีด มีระยะเวลาเท่าไร ในการจะเริ่มนับสัญญาของ UTA” นายจุฬากล่าว

ส่วนเงื่อนไขที่เกี่ยวพันกับการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 2 และทางขับ (แท็กซี่เวย์) สนามบินอู่ตะเภาที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ (ทร.) วงเงิน 13,200 ล้านบาทนั้น นายจุฬากล่าวว่า ล่าสุด ทีประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง กู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจากธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) วงเงิน 423.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 13,891.75 ล้านบาท) แล้ว จริงๆก็ถือว่าพ้นเงื่อนไขในการส่งมอบ NTP ไปแล้ว เพราะการดำนินการเลยมาแล้วคือ รายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) และการที่กองทัพเรือต้องประกาศเชิญชวนและร่างเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียดงาน (TOR) ซึ่งก็ทำไปครบถ้วนแล้ว ดังนั้น การก่อสร้างรันเวย์ 2 ของกองทัพเรือจึงไม่ได้กระทบกับการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาแต่อย่างใด สามารถเริ่มต้นก่อสร้างได้เลย

ขณะที่ความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. วงเงินโครงการ 224,544 ล้านบาท ที่มีการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นเจ้าของโครงการและมี บจ. เอเชีย เอราวัน (ซี.พี.) เป็นเอกชนคู่สัญญา นายจุฬากล่าวว่า ปัจจุบันตัวร่างสัญญาที่ได้รับการแก้ไขยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยเป็นการตรวจถ้อยคำในร่างสัญญาเป็นหลัก ในส่วนของสาระสำคัญเชิงหลักการในร่างสัญญาไม่ได้มีการแก้ไข ยังยืนยันตามหลักการเดิมที่คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.เห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา

“อัยการฯ ก็มีเรียกทั้งเอกชน อีอีซีและรถไฟไปชี้แจงบ้าง ก็คาดว่าภายในเดือน พ.ค.นี้ ส่วนจะส่งกลับมาที่อีอีซีเพื่อเสนอเข้าบอร์ดอีอีซีได้เมื่อไหร่ แล้วไปสู่การส่งมอบ NTP นั้น ผมยังตอบไม่ได้ เพราะงานที่าคนอื่นยังต้องทำ เขายังทำไม่เสร็จ ทั้งอัยการฯ รถไฟ เขายังทำไม่เสร็จ ผมก็จะไปตอบก่อนไมได ต้องรอกระบวนการต่างๆให้เสร็จ” เลขาธิการอีอีซีกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหลักการแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงที่บอร์ดรฟท.เห็นชอบเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 68 ประกอบด้วย

1. วิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน (Public Investment Cost : PIC) จากเดิม รัฐจะจ่ายเมื่อเอกชนเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง โดยรัฐจะ “แบ่งจ่าย” เป็นเวลา 10 ปี ปีละเท่าๆ กันรวมเป็นเงินจำนวน 149,650 ล้านบาท เปลี่ยนมาเป็นรัฐจะจ่ายเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงานก่อสร้างที่ รฟท.ตรวจรับวงเงินไม่เกิน 120,000 ล้านบาท แต่มีเงื่อนไขให้เอเชีย เอรา วัน ต้องวางหลักประกันเพิ่มเติมจากสัญญาเดิมรวมเป็นจำนวน 152,164 ล้านบาท เพื่อประกันว่างานก่อสร้างและรถไฟความเร็วสูงจะเปิดให้บริการได้ภายในระยะเวลา 5 ปี กรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างจะทยอยตกเป็นของ รฟท.ทันทีตามงวดการจ่ายเงินนั้นๆ

2. การกำหนดการชำระค่าสิทธิให้ร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงค์ (ARL) จะให้เอเชีย เอรา วัน แบ่งชำระค่าสิทธิจำนวน 10,671.09 ล้านบาท ออกเป็น 7 งวดเป็นรายปี ในจำนวนแบ่งชำระเท่าๆ กัน แต่บริษัทจะต้องชำระงวดแรก ณ วันที่ลงนามแก้ไขสัญญากับ รฟท. และบริษัทยังต้องวางหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารในมูลค่าเท่ากับค่าสิทธิ ARL รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเงินอื่นๆ ที่ รฟท.จะต้องรับภาระด้วย

3. การกำหนดส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทน (Revenue Sharing) เพิ่มเติม หากในอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการลดลงอย่างมีนัยสำคัญและเป็นผลทำให้เอเชีย เอรา วัน ได้ผลประโยชน์ตอบแทน (IRR) เพิ่มขึ้นเกินกว่า 5.52% แล้วก็จะให้สิทธิ รฟท.เรียกให้บริษัทชำระส่วนแบ่งผลประโยชน์เพิ่มได้ตามแต่จะตกลงกันต่อไป

4. การ “ยกเว้น” เงื่อนไขการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP) ให้คู่สัญญาจัดทำบันทึกความตกลงยกเว้นเงื่อนไข NTP ที่ยังไม่สำเร็จ (การรับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ) เพื่อให้ รฟท.สามารถออกหนังสือ NTP ให้กับเอเชีย เอรา วัน ได้ทันทีหลัง 2 ฝ่ายลงนามในการแก้ไขสัญญา และ

5. ป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสถานะทางการเงินของโครงการ โดยทำการปรับปรุงข้อสัญญาในส่วนของ “เหตุสุดวิสัย” กับ “เหตุผ่อนปรน” ให้สอดคล้องกับสัญญาร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในโครงการอื่น

ที่มา – https://www.isranews.org/article/isranews/138059-transport-148.html

Scroll Up