สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 29 มิถุนายน 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมาได้เชิญนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มาหารือที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเนื้อหาสาระที่พูดคุยกันคือ การนำโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆขึ้นมาไล่เรียงว่ามีปัญหาอะไรบ้าง โดยเฉพาะ 2 โครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินและโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งได้เร่งรัดกับเลขาธิการอีอีซีแล้วว่า อะไรที่ติดขัดจะต้องเร่งดำเนินการ โดยจะทำให้ทั้ง 2 โครงการ คืบหน้าให้ได้โดยเร็วที่สุด
ด้านนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการอีอีซี เปิดเผยว่า จากการหารือกับนายพิชัยเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา มีการหารือถึงการดำเนินโครงการสนามบินอูตะเภา ซึ่งตอนนี้งานก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 2 และทางขับ (แท็กซี่เวย์) ของกองทัพเรือ ที่มีบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) เป็นผู้รับจ้างกำลังจะเริ่ม ดังนั้น จากการหารือจึงเห็นว่า ทางบจ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น (UTA) ก็ควรจะเริ่มก่อสร้างโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โดยเฉพาะเฟสแรกที่จะต้องสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 (Passenger Terminal Building 3) ได้แล้ว เพื่อให้ทั้งสองงานเสร็จในเวลาไล่เลี่ยกัน
ดังนั้น ที่กำหนดจะส่งมอบหนังสือให้เริ่มงาน (Ntice to Proceed: NTP) เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็จะเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 15 ก.ค. 2568 นี้ โดยก่อนจะถึงกำหนดการดังกล่าว ก็จะพยายามจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซีหรือกพอ.) ก่อน เพื่อมีมติเห็นชอบในการส่งมอบหนังสือ NTP ในวันดังกล่าวต่อไป เมื่อการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 และอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ชัดเจนแล้ว ในการประชุมบอร์ดอีอีซีที่กำลังหาวันอยู่นี้ ก็จะเสนอประเด็นการดึงเอาโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) อู่ตะเภาดำเนินการเองด้วย หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงเงื่อนไขที่ทาง UTA ยังกังวลเกี่ยวกับการเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น นายจุฬาตอบว่า กำลังคุยกันว่า อยากให้เอกชนยกเว้นเงื่อนไขนี้ได้หรือไม่ เพื่อให้การออกหนังสือ NTP ทำได้เร็วขึ้น แน่นอนว่า เอกชนจะต้องรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพราะผู้โดยสารจากรถไฟความเร็วสูงยังไม่มา ก็ต้องคุยกันว่าทำอย่างไรจึงจะเหมาะสม เพราะก็เข้าใจทางเอกชนว่า จะต้องไปหาแหล่งเงินทุนมาลงทุนด้วย อย่างไรก็ตาม สิทธิประโยชน์ในการลงทุนเท่าที่หารือกัน จะต้องมีเพิ่มเติมแน่นอน แต่ยังบอกไม่ได้ เพราะเซนซิทีฟ ส่วนกรณีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนาบิน ยังอยู่ระหว่างการตรวจร่างสัญญาโดยสำนักงานอัยการสูงสุด และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังไม่ได้รายงานอะไรมาให้ทราบ
ที่มา – https://www.isranews.org/article/isranews/139246-transport-161.html